วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แบบฝึกหัดที่ 3

แบบฝึกหัดที่ 3 การพัฒนาระบบสารสนเทศ
1 วัตถุประสงค์ของการวางแผนระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ คืออะไร
ตอบ การวางแผนเชิงกลยุทธ์  ก็เพื่อนำมาใช้สำหรับสนับสนุนการดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขัน และทราบถึงระบบสารสนเทศที่เป็นเป้าหมายของการพัฒนาตามลำดับก่อน หลัง โดยมีการกำหนดแผนในระยะสั้นและระยะยาว
2 จงอธิบายแนวโน้มของการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
ตอบ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้บูรณาการเข้าสู่ระบบธุรกิจ ดังนั้นองค์การที่จะอยู่รอด และมีพัฒนาการต้องสามารถปรับตัวและจัดการกับเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศอาจทำให้ เทคโนโลยีที่กล่าวถึงในที่นี้ล้าสมัยได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ผู้บริหารที่สนใจจะต้องศึกษาติดตามความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญในอนาคตมีดังต่อไปนี้ 
 1.  คอมพิวเตอร์ (computer) 
 2.  ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI  
 3.  ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (executive information system) หรือ EIS
 4.  การจดจำเสียง (voice recognition)
5.  อินเทอร์เน็ต (internet)   
6.  ระบบเครือข่าย (networking system) 
7. เทคโนโลยีมัลติมีเดีย (multimedia technology) 
8. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (computer aided design) หรือ CAD
3
 จงยกตัวอย่างการใช้แผนกลยุทธ์ด้านสารสนเทศของอีคอมเมิร์ซ
ตอบ      การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่นิยมนำมาใช้ในแผนกลยุทธ์ด้านสารสนเทศของอีคอมเมิร์ซนั้นมักใช้ในองค์การที่เล็งเห็นความสำคัญในส่วนของการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผลและการเรียกใช้สารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคตยังมีแนวโน้มที่จะนำเทคโนโลยีฐานข้อมูลเชิงวัตถุและฐานข้อมูลหลายมิติมาใช้งานทางธุรกิจร่วมกับเทคโนโลยีโกดังข้อมูล และเทคโนโลยีเหมืองข้อมูลเป็นต้น
4 หน่วยงานของรัฐบาลมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในลักษณะใด
ตอบ   เพื่อใช้ในการบริหารงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยงานต่างๆ ในสำนักงานในรูปของสำนักงานอัตโนมัติ เช่น งานสารบรรณ งานจัดทำเอกสารและจัดส่งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-Mail) งานแฟ้มเอกสาร งานบันทึกการนัดหมายผู้บริหาร ในรูปแบบ IT Officeเป็นต้น
5 จงระบุถึง ผลประโยชน์ที่องค์การควรจะได้รับ อันสืบเนื่องมาจากการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจ
ตอบ ประโยชน์ที่องค์การจะได้รับ จากการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจคือ การติดต่อสื่อสารที่ดี และการสูญเสียทรัพยากรให้น้อยลง และก่อให้เกิดสภาพสำนักงานไร้กระดาษ และเพิ่มศักยภาพในการทำงานของแต่ละบุคคลได้ ทั้งยังเป็นการธำรงรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี ที่ส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิต และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์การในสายตาของผู้บริโภค
6 การจัดซื้อซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ขององค์การขนาดเล็กจะต้องพิจารณาสิ่งใดบ้าง
ตอบ     องค์กรต่างๆ ที่จัดซื้อจัดหาซอฟต์แวร์ ลำดับแรกต้องระบุวัตถุประสงค์ และความต้องการให้ชัดเจนว่าต้องการอะไรจากซอฟต์แวร์นั้นๆ แล้วปล่อยให้ผู้ขายไม่ว่าจะเป็นโอเพนซอร์ซ หรือซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์เสนอราคาเข้ามา การจะเลือกซื้อซอฟต์แวร์ใดนั้นควรเลือกจากคุณสมบัติ,ความสามารถในการทำงานการทำงานร่วมกับระบบที่มีอยู่,ความปลอดภัยความคุ้มค่า รวมทั้งราคาในการเป็นเจ้าของ
7 ข้อได้เปรียบของการใช้บริการภายนอก เพื่อการพัฒนาระบบสารสนเทศขึ้นใช้ในองค์การคืออะไร
ตอบ องค์กรนั้น ๆ ลดภาระในการดูแลทรัพย์สินของระบบสารสนเทศ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง อุปกรณ์ของระบบเครือข่ายสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สามารถที่จะคำนวณถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น                
• องค์กรสามารถลดภาระในการวางแผนทางด้านเทคโนโลยีโดยจะวางแผนเฉพาะด้านนโยบายและการบริการใหม่ ๆ ที่ต้องการนำมาเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันในตลาดเท่านั้นไม่จำเป็นต้องนำประเด็นของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีมาเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณา               
 • ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กรให้มากขึ้น เนื่องจากการดำเนินการต่าง ๆ จะเกิดความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพสูงในการตอบสนองการให้บริการใหม่ ๆ กับลูกค้า ซึ่งการลงทุนเองจะไม่สามารถตอบสนองต่อความยืดหยุ่นของดีมานด์ของตลาดได้ทันท่วงที               
 • ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กรให้มากขึ้น เนื่องจากการดำเนินการต่าง ๆ จะเกิดความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพสูงในการตอบสนองการให้บริการใหม่ ๆ กับลูกค้า ซึ่งการลงทุนเองจะไม่สามารถตอบสนองต่อความยืดหยุ่นของดีมานด์ของตลาดได้ทันท่วงที               
 • องค์กรที่มีปัญหาทางด้านการควบคุมค่าใช้จ่ายของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อาจเปลี่ยนแปลงมาใช้การ Outsource เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย อีกทั้งสัญญาการ Outsource ที่ดีจะทำให้ผู้ว่าจ้างมีความยืดหยุ่นในการขยายประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้ โดยมีค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงกัน               
 • สามารถลดภาระในการพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้อยู่มีความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีในการบริหารระบบสารสนเทศ กล่าวคือสามารถลดปัญหาพื้นฐานความรู้ของพนักงานที่ไม่เข้าใจ หรือไม่สามารถติดตามเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ทัน หรือพนักงานอาจมีภาระงานมากจนทำให้ไม่สามารถติดตามเทคโนโลยีได้ทัน               
 • ความต้องการให้พนักงานของตนไปทำงานอื่นที่มีประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่าทำการดูแลบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ               
 • ไม่สามารถว่าจ้างบุคลากรที่มีทักษะบางด้านเข้ามาทำงานได้ เนื่องจากเงื่อนไขการจ้างไม่ดึงดูดใจบุคลากรเหล่านั้น หรือไม่สามารถที่จะดึงดูดใจให้บุคลากรเหล่านั้นทำงานอยู่กับองค์กรได้ในระยะยาว การ Outsource จะทำให้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มบุคลากรในองค์กรเพิ่มขึ้นทำให้องค์กรมีขนาดที่เหมาะสมและสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ               
 • การจัดจ้างนี้ มีสัญญาการจ้างระยะเวลาที่จะสิ้นสุด ดีกว่าการลงทุนเอง ซึ่งจะต้องเป็นการลงทุนในลักษณะถาวรต่อเนื่อง               
 • สามารถกำหนดระดับของบริการ (Service Level) ได้ เช่นต้องการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเท่าใด ความผิดพลาดที่มีไม่ควรเกินอัตราหรือสัดส่วนเท่าใด การทำงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในทุกช่วงของเวลา เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความพึงพอใจกับการให้บริการของฝ่ายงานสารสนเทศต่อทั้งผู้ใช้ภายในและภายนอกองค์กร
8 วิธีการพัฒนาระบบรูปแบบใดที่สอดคล้องกับวิธีการพัฒนาระบบจากบนลงล่าง
ตอบ วิธีการพัฒนาระบบทั้ง 5 วิธี ไม่ว่าจะเป็น วิธีการพัฒนาโดยใช้แบบจำลองน้ำตก วิธีการพัฒนาโดยใช้ต้นแบบ วิธีการพัฒนาระบบประยุกต์อย่างเร็ว วิธีการพัฒนาแบบยืดหยุ่น วิธีการพัฒนาระบบแบบร่วมมือ ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับวิธีจากบนลงล่างทั้งสิ้น
9 วิธีการพัฒนาระบบแบบใด ที่เน้นความร่วมมือของผู้ใช้การพัฒนาระบบมากที่สุด
ตอบ  วิธีการพัฒนาระบบประยุกต์อย่างเร็ว
10 เพราะเหตุใดการใช้แบบจำลองน้ำตกจึงถือเป็นการพัฒนาระบบแบบดั้งเดิม
ตอบ    เพราะวิธีการพัฒนาโดยใช้แบบจำลองน้ำตก เป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยมีรูปแบบดังนี้คือ แบบอนุรักษ์ แบบตรวจทาน และรูปแบบเหลื่อม ซึ่งทั้งสามเป็น รูปแบบใช้ขั้นตอนของวัฏจักรการพัฒนาระบบมาประยุกต์ใช้กับแบบจำลองทั้ง สามรูปแบบ

11 เทคนิคแผนภาพกระแสข้อมูลมักใช้ในขั้นตอนใดของการพัฒนาระบบ และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้และทีมงานพัฒนาระบบอย่างไร
ตอบ    เทคนิคแผนภาพกระแสข้อมูล เป็นเครื่องมือ ที่นิยมนำมาใช้ในการวิเคราะห์ระบบเชิงโครงสร้างเพื่อแสดงทิศทางการส่งผ่านข้อมูลในระบบ ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลรับเข้าและข้อมูลส่งออกกับกระบวนการ ที่บ่งชี้ถึงขั้นตอนการทำงานของระบบ แต่ไม่สื่อให้เห็นถึงวิธีประมวลผลของระบบ  ซึ่งแผนภาพกระแสเป็นเอกสารที่มักถูกใช้เป็นเครื่องมือช่วยงานด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกต้องตรงกัน อีกทั้งยังสามารถดำเนินการพัฒนาระบบจนได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
12 จงเขียนแผนภาพกระแสงานของระบบนักเรียนนักศึกษา ในส่วนของ การลงทะเบียนเรียนการเข้าชั้นเรียน ตลอดจนการวัดและประเมินผลการเรียน
ตอบ
ภาพโดย นางสาวรมฤดี   เกตุแก้ว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น